งานอุตสาหกรรมกระจกแปรรูป งานอุตสาหกรรมกระจกต่อเนื่องคือการนำเอากระจกโฟลต และกระจกชีต มาแปรรูปเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่แตกต่างกันไปตามลักษณะงานที่ต้องการ ได้แก่ 1 กระจกเงา ( mirror glass ) ได้จากการนำโลหะเงินไปฉาบด้านใดด้านหนึ่ง ของกระจก โฟลตชนิดใส หรือกระจกโฟลตสีตัดแสง แล้วนำมาเคลือบด้วยสารโลหะทองแดง เป็นการป้องกันโลหะเงินอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความทนทานในการใช้งาน และเคลือบด้วยสีที่มีคุณภาพสูง ให้ได้ความหนาที่เหมาะสม สีที่เคลือบแต่ละชั้นได้รับการอบให้แห้งด้วยความร้อนสูง ทำให้การยึดเกาะติดกันระหว่างชั้นติดกันได้ดีขึ้น 2 กระจกสะท้อนแสง ( heat reflection glass ) ได้จากการนำเอากระจกแผ่นใส มาเคลือบด้วย ออกไซด์ โลหะ ขนาดความหนาของการเคลือบขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของแสงที่ส่องผ่านกระจกกระจกสะท้อนแสงมีคุณสมบัติด้านการสะท้องแสงได้ดี เมื่อมองจากภายนอกอาคาร อาคารจะมองคล้ายกระจกเงา เมื่อมองจากภายในอาคาร หากมองจากภายนอกอาคารจะคล้ายกับกระจกสีตัดแสง 3 กระจกนิรภัยเทมเปอร์ ( architectural flat tempered safety glass ) ได้จากการนำเอากระจกธรรมดา มาอบด้วยอุณหภูมิสูง 650-700 องศาเซลเซียส แล้วใช้ลมเป่าทั้ง2ด้านให้อุณหภูมิเย็นลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวของกระจกอยู่ในสภาพแรงอัด ในขณะที่ภายในของกระจกอยู่ในสภาพแรงดึง ด้วยผิวที่อยู่ในสภาพแรงอัด เมื่อกระจกถูกกระแทก หรือทุบจนแตก แผ่นกระจกจะแตกละเอียดเป็นแผ่นเล็กๆไม่มีคม มีความแข็งแกร่งกว่ากระจกธรรมดาถึง 5 เท่า นิยมนำไปใช้เป็นกระจกยานพาหนะ หรือส่วนของอาคารที่ต้องการความปลอดภัยและเสี่ยงต่อแรงกระแทกสูง
|