ส่วนประกอบของกระจก
วัตถุดิบในการผสมกระจกมีดังต่อไปนี้ ทรายแก้ว หินฟันม้า หินโดโลไมต์ เศษกระจก ซึ่งใช้เป็นส่วนประกอบ 80% ในการผลิตกระจก โดยวัสดุเหล่านี้สามารถหาได้จากแหล่งผลิตในประเทศไทย แต่มีวัสดุอื่นๆเช่น โซดาแอช ผงคาบอน ผงเหล็กและโซเดียมซัลเฟต ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และนอกจากนี้ยังมี ออกไซด์ ชนิดต่างๆ ที่นำมาผสมกับกระจกเพื่อที่ให้กระจกมีสีสันต่างๆ
ขั้นตอนการผลิตกระจก
การผลิตกระจกนั้นจะเริ่มจากนำส่วนประกอบมาผสมกันในอัตราส่วนที่กำหนดไว้และนำเข้าเตาที่ตั้งไว้ที่อุณหภูมิ 1,500 องศาเซลเซียส โดยใช้เชื้อเพลิงน้ำมันเตา เพื่อให้ส่วนประกอบต่างๆหลอมละลายเข้าด้วยกัน และจะได้แก้วออกมาในสถานะของเหลว แล้วจึงปรับอุณหภูมิ ลงมาที่ 1,100 องศาเซลเซียส แก้วจะค่อยๆหนืดขึ้นจนสามารถนำมาขึ้นรูปได้แล้วจึงปล่อยน้ำแก้ว ให้ไหลลงสู่อ่างโลหะ โดยในอ่างนี้จะบรรจุดีบุกหลอมเหลวซึ่งมีคุณสมบัติหนักกว่าน้ำแก้ว น้ำแก้วจะลอยตัวอยู่บนโลหะหลอมเหลว ซึ่งไม่มีปฏิกิริยาทางเคมีกัน หลังจากนั้นน้ำแก้วจะถูกดึงให้ไหลไปข้างหน้าภายได้อุณหภูมิและความดันที่ได้มีการควบคุมความหนักของโลหะหลอมเหลวรวมกับความหนักของน้ำแก้วจะทำให้น้ำแก้วไหลเป็นสายและมีความหนาสม่ำเสมอทั้ง2ด้านของน้ำแก้ว สายกระจกแผ่นจะค่อยๆถูกทำให้เย็นลงขณะที่ไหลมาปลายทางของอ่างโลหะและเข้าส่วนที่ลดอุณหภูมิซึ่งจะทำให้กระจกค่อยๆเย็นตัวลงอย่างช้าๆ แล้วจึงเป่าให้แห้งและจึงเข้าขั้นตอนการตัดตามขนาดที่ต้องการต่อไป
กระจกบางประเภทถูกนำไปสร้างแบบพิเศษเช่นเคลือบเนื้อสารบางประเภท เช่น พลาสติกด้านเดียวหรือทั้ง2ด้าน ( เนื้อสารที่นำมาเคลือบเรียกว่าฟิล์ม ) เพื่อให้ทึบแสงหรือเพื่อไม่ให้แตกร่วนหรือเพื่อเมื่อแก้วแตกแล้วไม่มีความคมคล้ายเมล็ดข้าวโพด เช่นกระจกรถยนต์ฟิล์มบางประเภทที่นำมาเคลือบเช่น เคฟลาร์ มีลักษณะโครงสร้างทางเคมีที่สามารถกระจายแรงที่มากระทบด้านหน้าออกไปทางด้านข้างจึงทำให้สามารถผลิตเป็นกระจกนิรภัย ที่สามารถทนทานต่อแรงกระแทกได้และในบางกรณีการผลิตแบบเคลือบด้านนอกอาจปรับเป็นการสอดไส้ด้านในหรือผสมลงไปเป็นเนื้อเดียวกัน
ในบางกรณีกระจกอาจสร้างจากวัสดุที่มีความใสไม่น้อยไปกว่ากันกับแก้วแต่เป็นวัสดุประเภทอื่นไปเลยแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามกระจกจะมีความหมายในลักษณะใส บาง และเป็นแผ่นเรียบอย่างมาก อาจหมายรวมไปถึงการสะท้อนแสงได้ หรือเบี่ยงเบนแสงได้หรือเป็นเงาเสมอ วัสดุกระจกนั้นหากมีค่าความยอมให้ผ่านของแสงมากจะเรียกว่ากระจกใส หากมีค่าน้อยจะเรียกว่าโปร่งแสงและหากไม่มีค่าอะไรเลยจะเรียกว่าทึบแสง ความหมายของกระจกมักจะหมายถึงกระจกเงา ถ้าพูดโดยไม่ระบุว่าเป็นกระจกใส
หน้าที่เข้าชม | 375,212 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 257,147 ครั้ง |
เปิดร้าน | 16 มี.ค. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |